ปัญหาและอุปสรรค

  เชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นเคยกับคำว่า ปัญหาและอุสรรค แน่นอนค่ะ เมื่อเเราเกิดมาบนโลกใบนี้สิ่งแรกเลยที่เราจะต้องเรียนรู้และพบเจอก็คือ ปัญหา ปัญหาเปรียบเสมือนบททดสอบของชีวิต ว่าคุณจะอยู่บนโลกนี้ได้หรือเเปล่า ถ้าเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ เจออุปสรรคแบบนี้ทุกๆก้าวที่เราก้าวเดิน จะคอยมีปัญหาเดินเคียงข้างเรา มันเป็นเหมือนเงาตามตัวเลย
   ตอนเราเป็นเด็กเราอาจจะเคยเจอกับปัญหา เชื่อว่่าทุกคนในวัยเด็กคงหนีไม่พ้นปัญหาการตื่นนอนตอนเช้าเพื่อไปโรงเรียน เห็นเพื่อนที่โรงเรียนมีของเล่นใหม่ตัวเราไม่มีนี่ก็เป็นปัญหา อยากกินขนมนี่ก็ปัญหา แต่เชื่อมั้ยค่ะ (สำหรับตอนเด็ก)เรามักจะมีคนช่วยแก้ปัญหาอยู่เสมอๆ เช่นอยากกินขนม เราก็วิ่งไปขอตังค์แม่ อยากได้ของเล่นใหม่ ก็วิ่งไปบอกพ่อซื้อให้ (ส่วนจะได้หรือเปล่าว่ากันอีกที อิอิ) ทำการบ้านไม่ได้พี่ก็ช่วยบอก(บางทีทำให้เลยด้วยซ้ำ) เพื่อนไม่ให้เข้ากลุ่ม ครูก็จะช่วยหากลุ่มให้ ตอนเป็นเด็กเรามีคนช่วยแก้ปัญหาให้ไม่ว่าปัญหาเล็กใหญ่แค่ไหน มันก็เป็นปัญหาสำหรับเด็กๆ
   พอเราโตขึ้นปัญหามันก็ใหญ่ขึ้นตามขนาดของเรา ไม่มีใครช่วยเราแก้ปัญหาได้แล้ว อาจารย์ พ่อแม่ เพื่อนทำได้แค่คอยให้คำแนะนำปรึกษา อย่างสมมุติเราอกหัก พ่อแม่ช่วยได้แค่ปลอบบใจและให้กำลังใจ บางคนไม่กล้าบอกพ่อแม่ว่าอกหักด้วยซ้ำ สอบเข้ามหาลัยไม่ติด ครูก็จะบอกยังมีมหาลัยอื่นๆอีกเยอะแยะให้เราเข้าเรียน จดเลคเชอร์ไม่ทันยังขอยืมเพื่อนมาจดได้
   แต่ถ้าเข้าสู่วัยทำงาน ปัญหาที่มีเข้ามามันจะยากขึ้น ใหญ่ขึ้น ครู อาจารย์ พ่อแม่หรือแม้แต่เพื่อนที่เรียนจบด้วยกันมาก็ช่วยเราไม่ได้ ส่วนใหญ่ปัญหาวัยนี้ก็คงหนีไม่พ้น เพื่อนร่วมงานไม่ชอบหน้าเรา ทำงานช้าส่งงานไม่ทันโดนหัวหน้าว่า ทำงานเงินเดือนไม่พอใช้รายจ่ายมากกว่ารายได้ นี่ก็ปัญหา ทำธุรกิจแล้วขาดทุน คู่แข่งทางการตลาดเขาแกร่งกว่าเรา พนักงานขายทำยอดไม่ได้ตามเป้า เพื่อนรุ่นเดียวกับเราประสบความสำเร็จแต่เรายังย้้ำอยู่กับที่นี่่ก็ปัญหา  ทะเลาะกับแฟน แฟนมีกิ๊ก แฟนบอกเลิก สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้  ดัังนั้น เราต้องคิดเอง หาวิธีแก้ไขเอง ครอบครัวได้แค่ให้คำปรึกษา เพื่อนก็มีให้แค่กำลังใจ ไม่มีใครที่จะอยู่ข้างกายเราได้นอกจากตัวเราเอง อมยิ้มอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง พออ่านมาเจอบทนี้เข้าก็เลยอยากมาแชร์มาเล่าให้เพื่อนๆได้รู้ เป็นหนังสือของสุดยอดโค้ชและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ท่านบอกไว้ว่า
  ปัญหาบนโลกนี้มี 2 ประเภท คือ หนึ่ง ปัญหาที่แก้ได้ และ สอง คือปัญหาที่แก้ไม่ได้ ปัญหาที่แก้ได้ เราจะมัวไปนั่งกลุ้มทำไมกับปัญหาที่มันแก้ได้ จริงมั้ยค่ะ ส่วนปัญหาที่แก้ไม่ได้ เราก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางแก้ได้ แล้วจะมัวนั่งกลุ้มให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ถึงจะกลุ้มยังไงปัญหามันก็แก้ไม่ได้อยู่ดี (ชื่อมันก็บอกแล้วว่าแก้ไม่ได้)
   ถ้าชีวิตเราตอนนี้มันยังไม่ดีอย่างที่คิดไว้ ก็อย่ามัวแต่นั่งบ่น จงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปรับปรุงแก้ไขพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จช้าหรือไม่ประสบความสำเร็จเลย นั่นเป็นเพราะพวกเขามัวแต่คิดถึงแต่ปัญหา บ่นกับตัวปัญหา มองเห็นแต่ตัวปัญหา มองเห็นแต่อุปสรรคแล้วคิดว่าตัวเองโชคร้าย สุุดท้ายก็เหนื่อยหมดแรง หยุดอยู่กับที่บางทีชีวิตอาจกำลังถอยหลังเสียด้วยซ้ำ มีใครเคยเจอแบบนี้บ้างมั้ยค่ะ
    ทีนี้เราลองเปลี่ยนใหม่ค่ะ เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เปลี่ยนมุมมองแบบใหม่ เมื่อเจอปัญหาขอให้ใช้เวลามองดูปัญหาและกลุ้มใจ "เพียงแค่ 5%" ขอย้ำอีกครั้งนะคะ "ว่าแค่ 5%" ที่เหลืออีก 95% ให้คุณมองหาหนทางแก้ไข ให้คุณพุ่งความสนใจไปที่การแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ บ่นกับปัญหา เมื่อเจอปัญหาคุณต้องถามตัวเองว่า " ฉันจะแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไง?"
     นี่เป็นเคล็ดลับที่โค้ชบอกไว้ค่ะ ลองนำไปปรับใช้กับชีวิตกันดู ถ้าได้ผลยังไง อย่าลืมแวะมาบอกเล่าให้อมยิ้มฟังบ้างนะคะ
                                  สุดท้ายนี้ขอฝากข้อคิดไว้สักนิดค่ะ
เมื่อเราเกิดมามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้และเรายังคงมีลมหายใจ แน่นอนค่ะ ทุกๆก้าวที่เราเดินไปเราจะต้องพบเจอกับปัญหาและะอุปสรรค เพราะปัญหาและอุปสรรคมันคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเราเติบโต
ขอบคุณความรู้ดีๆจากหนังสือ เร่งสปีดความสำเร็จ

Weewy